
ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์สายตา
(Refractive Lens Exchange) คืออะไร?
การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์สายตา หรือ Refractive Lens Exchange (RLE) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีปัญหาการมองเห็น เช่น สายตาสั้น เอียง และสายตายาวตามอายุ แต่ไม่สามารถทำเลสิคได้เนื่องจากค่าสายตาสูงหรือกระจกตาบาง และไม่สามารถผ่าตัดใส่เลนส์เสริม หรือเริ่มมีภาวะต้อกระจก
การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์สายตาคืออะไร?
การผ่าตัด Refractive Lens Exchange (RLE) เป็นการนำเลนส์แก้วตาธรรมชาติของมนุษย์ออก และแทนที่ด้วยเลนส์แก้วตาเทียม (Intraocular Lens หรือ IOL) ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาโดยเฉพาะ เช่น สายตายาวตามอายุ สายตาสั้น หรือเอียง เทคนิคนี้เหมือนกับการผ่าตัดต้อกระจก แต่ RLE เป็นการผ่าตัดทางเลือกเพื่อปรับคุณภาพการมองเห็น ไม่ใช่เพื่อรักษาต้อกระจก
RLE สามารถเลือกใช้เลนส์เทียมได้หลายชนิด เช่น
-
เลนส์ที่ช่วยให้มองเห็นระยะไกลอย่างชัดเจน (Monofocal)
-
เลนส์ที่มองเห็นได้หลายระยะ เช่น ใกล้ กลาง ไกล (Multifocal / Trifocal IOL)
-
เลนส์ยืดระยะโฟกัส (EDOF IOL)
คนไข้สามารถเลือกเลนส์ที่เหมาะสมและตอบโจทย์รูปแบบการชีวิตประจำวันได้ของท่านได้ภายใต้การให้ข้อมูลโดยแพทย์
ใครเหมาะกับการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์สายตา?
-
ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีปัญหาสายตา เช่น สายตาสั้น เอียง หรือสายตายาวตามอายุ ซึ่งไม่สามารถทำเลสิคหรือเลนส์เสริม (ICL) ได้
-
ผู้ที่มีปัญหาสายตาเริ่มขุ่นมัว หรือมีภาวะต้อกระจกระยะเริ่มต้น มักมีอการตาพร่ามัว ใส่แว่นไม่ชัด ไปจนถึงเกิดแสงแตกกระจาย โดยภาวะดังกล่าว ไม่สามารถแก้ไขด้วย เลสิค หรือ เลนส์เสริม ICL ได้
-
ผู้ที่ต้องการลดการพึ่งพาแว่นตาทุกระยะ ทั้งใกล้ กลาง และไกล
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีภาวะจอตาเสื่อม หรือต้อหินบางประเภท อาจไม่เหมาะกับ RLE และควรได้รับการประเมินอย่างละเอียดจากจักษุแพทย์
เงื่อนไขเพิ่มเติม : การแก้ไขสายตาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลนส์ธรรมชาติขุ่นและมีปัญหาสายตาร่วมด้วย โดยก่อนการผ่าตัดแก้ไขสายตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อประเมินแนวทางการผ่าตัดแก้ไขสายตา รับทราบถึงข้อบ่งชี้ ภาวะแทรกซ้อน ทางเลือก และข้อจำกัด ของการรักษา
เลนส์ตาเทียมมีกี่แบบ?
การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา ไม่ว่าจะเป็นการรักษาต้อกระจก หรือการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์เพื่อแก้ไขสายตา (Refractive Lens Exchange - RLE) หนึ่งในขั้นตอนสำคัญคือ การเลือกชนิดของเลนส์ตาเทียม (Intraocular Lens - IOL) ที่จะใส่แทนเลนส์ธรรมชาติ เลนส์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและข้อจำกัดต่างกัน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการมองเห็นในชีวิตประจำวัน
ปัจจุบันเลนส์ตาเทียมมีให้เลือกหลากหลายชนิด โดยแบ่งตามคุณสมบัติการมองเห็นหลัก ๆ ได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1. Monofocal IOL – เลนส์ระยะเดียว
เป็นเลนส์พื้นฐานที่ใช้กันมากที่สุด
-
ให้ความชัดเจนในระยะเดียว เช่น ระยะไกล
-
ยังต้องใช้แว่นอ่านหนังสือหรือทำงานระยะใกล้หลังผ่าตัด
ข้อดี : คุณภาพการมองเห็นในระยะไกลดี แสงกระจายน้อยมาก ราคาไม่แพง
ข้อจำกัด : มองเห็นชัดระยะเดียว ต้องใส่แว่นเพื่อมองในระยะกลางและใกล้
2. Multifocal / Trifocal IOL – เลนส์หลายระยะ
เป็นเลนส์ที่ออกแบบให้มองเห็นได้ทั้งระยะใกล้ กลาง และไกล
-
ช่วยลดการพึ่งพาแว่นตาในชีวิตประจำวัน
-
แบ่งแสงเพื่อให้มองเห็นได้หลายระยะพร้อมกัน
ข้อดี : เหมาะกับผู้ที่ต้องการมองเห็นชัดทุกระยะ
ข้อจำกัด : อาจมีปัญหาเรื่องแสงกระจายโดยเฉพาะตอนกลางคืน (แสงฟุ้ง, แฉกไฟ), ความสามารถในการแยกความแตกต่างของแสงและเงาลดลง, ผู้ที่มีปัญหากระจกตา หรือเคยทำเลสิค อาจไม่เหมาะกับเลนส์ชนิดนี้
3. EDOF IOL (Extended Depth of Focus) – เลนส์ชัดลึกต่อเนื่องหรือเลนส์ยืดระยะชัด
เลนส์รุ่นใหม่ที่พัฒนาให้สามารถมองเห็นได้หลายระยะในลักษณะ “ต่อเนื่อง”
-
โฟกัสชัดจากระยะไกลถึงระยะกลาง
-
ลดปัญหาแสงฟุ้งมากกว่ารุ่น Trifocal
ข้อดี: การมองเห็นเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ใช้ชีวิตกลางแจ้งหรือขับรถบ่อย, สามารถใช้ได้ในผู้ที่เคยทำเลสิค
ข้อจำกัด: ต้องอาศัยเทคนิคการผ่าตัดแบบ Monovision ร่วมด้วยหากต้องการมองเห็นได้หลายระยะโดยไม่ต้อพึ่งพาแว่น ซึ่งต้องอาศัยการวัดสายตาที่ละเอียดและความชำนาญของแพทย์ผู้ผ่าตัด
แล้วควรเลือกเลนส์แบบไหนดี?
การเลือกเลนส์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
-
ไลฟ์สไตล์และการใช้งานจริงของคุณ
-
ลักษณะทางกายภาพของดวงตา เช่น รูม่านตา ความโค้งของกระจกตา
-
งบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับการรักษา
-
ความคาดหวังต่อคุณภาพการมองเห็นหลังผ่าตัด
จักษุแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำโดยอิงจากการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด*


